โปรแกรมตารางคำนวณ ชั้น ม.3

ข้อมูลและเครื่องมือพื้นฐาน Excel

Excel เป็นโปรแกรมสเปรดชีตที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการข้อมูล การคำนวณ และการวิเคราะห์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจพื้นฐานการทำงานกับข้อมูลและเซลล์เพื่อใช้งาน Excel ได้อย่างเต็มศักยภาพ คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานที่สำคัญเหล่านี้

ประเภทของข้อมูลใน Excel

Excel จัดการข้อมูลได้หลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน การเข้าใจประเภทข้อมูลช่วยให้คุณจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลได้อย่างถูกต้อง

ข้อความ (Text)

ข้อมูลประเภทข้อความคือ ตัวอักษร ตัวเลขที่ไม่นำไปคำนวณ (เช่น รหัสไปรษณีย์, เบอร์โทรศัพท์) หรือสัญลักษณ์ต่างๆ Excel จะ จัดชิดซ้ายของเซลล์ โดยอัตโนมัติ

การป้อนข้อมูล: เพียงแค่พิมพ์ข้อความที่ต้องการลงในเซลล์แล้วกด Enter​

ตัวเลข (Number)

ข้อมูลประเภทตัวเลขคือ ข้อมูลที่สามารถนำไปคำนวณได้ เช่น จำนวนเงิน คะแนน, ปริมาณ Excel จะ จัดชิดขวาของเซลล์ โดยอัตโนมัติ

การป้อนข้อมูล: พิมพ์ตัวเลขที่ต้องการ (สามารถใส่ทศนิยมได้) แล้วกด Enter​

ข้อควรระวัง: หากคุณใส่เครื่องหมายจุลภาค (,) หรือสัญลักษณ์สกุลเงิน ($) โดยตรง Excel อาจตีความว่าเป็นข้อความ ถ้าต้องการจัดรูปแบบให้ใช้ปุ่ม สไตล์ตัวเลข (Number Style) บน Ribbon

วันที่/เวลา (Date/Time)

Excel จัดเก็บวันที่และเวลาเป็น ตัวเลขลำดับ (Serial Number) ซึ่งช่วยให้สามารถนำไปคำนวณได้ (เช่น หาวันที่ครบกำหนด หรือระยะเวลาทำงาน) Excel จะ จัดชิดขวาของเซลล์ โดยอัตโนมัติ

การป้อนข้อมูล:

  • วันที่: พิมพ์ในรูปแบบที่ Excel เข้าใจ เช่น 1/1/2024, 1-ม.ค.-24 หรือ 2024-01-01 แล้วกด Enter​
  • เวลา: พิมพ์ในรูปแบบ เช่น 10:30, 10:30 AM หรือ 10:30 PM แล้วกด Enter​

สูตร (Formula)

สูตรใช้สำหรับ คำนวณ ประมวลผลข้อมูล หรือเชื่อมโยงข้อมูล คุณต้องขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย เท่ากับ (=) เสมอ

การป้อนข้อมูล: พิมพ์เครื่องหมาย = ตามด้วยการคำนวณหรือฟังก์ชันที่ต้องการ (เช่น =A1+B1, =SUM(C1:C5)) แล้วกด Enter​

การอ้างอิงเซลล์ (Cell Reference): ในการสร้างสูตร คุณจะอ้างอิงถึงเซลล์อื่น ๆ โดยใช้ชื่อเซลล์ เช่น A1 (คอลัมน์ A แถวที่ 1), B2 (คอลัมน์ B แถวที่ 2) การอ้างอิงเซลล์ทำให้สูตรของคุณมีความยืดหยุ่นและสามารถนำไปใช้กับข้อมูลชุดอื่น ๆ ได้

การแก้ไขข้อมูลในเซลล์

มี 3 วิธีหลักในการแก้ไขข้อมูลในเซลล์:

  • ดับเบิลคลิก (Double-click): คลิกเมาส์สองครั้งที่เซลล์ที่ต้องการแก้ไข เคอร์เซอร์ (Cursor) จะปรากฏในเซลล์ ทำให้คุณสามารถแก้ไขข้อมูลได้โดยตรง
  • กด F2: เลือกเซลล์ที่ต้องการแก้ไข แล้วกดปุ่ม F2​ บนคีย์บอร์ด เคอร์เซอร์จะปรากฏในเซลล์เช่นกัน
  • แก้ไขบน Formula Bar: เลือกเซลล์ที่ต้องการแก้ไข ข้อมูลในเซลล์นั้นจะปรากฏบน Formula Bar (แถบสูตร) ซึ่งอยู่เหนือพื้นที่ทำงานของชีต คุณสามารถคลิกบน Formula Bar และแก้ไขข้อมูลได้โดยตรง

การเลือกเซลล์/ช่วงเซลล์ (Select Range) แบบต่างๆ

การเลือกเซลล์ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานกับ Excel เพื่อให้คุณสามารถประยุกต์ใช้คำสั่งต่างๆ กับข้อมูลที่คุณต้องการได้อย่างแม่นยำ

  • เลือกเซลล์เดียว: คลิกที่เซลล์ที่ต้องการ
  • เลือกช่วงเซลล์ต่อเนื่อง (Range):
    • คลิกที่เซลล์แรกของช่วงที่ต้องการเลือก ค้างเมาส์ไว้แล้วลากไปจนถึงเซลล์สุดท้ายที่ต้องการ
    • หรือคลิกเซลล์แรก กดปุ่ม Shift​ ค้างไว้ แล้วคลิกเซลล์สุดท้ายของช่วงที่ต้องการ
  • เลือกช่วงเซลล์ที่ไม่ต่อเนื่อง:
    • คลิกที่เซลล์แรกหรือช่วงเซลล์แรกที่ต้องการเลือก
    • กดปุ่ม Ctrl​ ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกเซลล์หรือลากเลือกช่วงเซลล์อื่นๆ ที่ต้องการเพิ่ม
  • เลือกทั้งแถว: คลิกที่ หัวแถว (หมายเลขแถว)
  • เลือกทั้งคอลัมน์: คลิกที่ หัวคอลัมน์ (ตัวอักษรคอลัมน์)
  • เลือกทั้งชีต:
    • คลิกที่ปุ่ม Select All (ปุ่มสามเหลี่ยมเล็กๆ) ที่อยู่มุมซ้ายบนระหว่างหัวแถวและหัวคอลัมน์
    • หรือกด Ctrl​+A​

การคัดลอก (Copy) ตัด (Cut) วาง (Paste) ข้อมูล

นี่คือคำสั่งพื้นฐานที่ใช้บ่อยที่สุดในการเคลื่อนย้ายหรือทำซ้ำข้อมูล

  • คัดลอก (Copy):
    • เลือกเซลล์/ช่วงเซลล์ที่ต้องการ
    • คลิกปุ่ม Copy บนแท็บ Home (รูปกระดาษสองแผ่น) หรือกด Ctrl​+C​
    • ข้อมูลต้นฉบับยังคงอยู่
  • ตัด (Cut):
    • เลือกเซลล์/ช่วงเซลล์ที่ต้องการ
    • คลิกปุ่ม Cut บนแท็บ Home (รูปกรรไกร) หรือกด Ctrl​+X​
    • ข้อมูลต้นฉบับจะถูกย้ายออกไปเมื่อมีการวาง
  • วาง (Paste):
    • เลือกเซลล์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของตำแหน่งที่ต้องการวาง
    • คลิกปุ่ม Paste บนแท็บ Home (รูปคลิปบอร์ด) หรือกด Ctrl​+V​

Paste Options (ตัวเลือกการวาง): หลังจากวาง คุณจะเห็นไอคอน Paste Options ปรากฏขึ้น ซึ่งช่วยให้คุณเลือกวิธีการวางได้หลากหลาย เช่น วางเฉพาะค่า (Values), วางเฉพาะรูปแบบ (Formats) เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคุณ

การแทรก (Insert) และลบ (Delete) แถว/คอลัมน์

การจัดการโครงสร้างของตารางข้อมูลโดยการแทรกหรือลบแถว/คอลัมน์เป็นสิ่งสำคัญในการจัดระเบียบข้อมูล

การแทรก (Insert)

  • แทรกแถว: คลิกขวาที่ หัวแถว (เช่น แถว 3) เหนือตำแหน่งที่ต้องการแทรก แล้วเลือก Insert (แถวใหม่จะถูกแทรกก่อนแถวที่คุณเลือก)
  • แทรกคอลัมน์: คลิกขวาที่ หัวคอลัมน์ (เช่น คอลัมน์ C) ทางขวาของตำแหน่งที่ต้องการแทรก แล้วเลือก Insert (คอลัมน์ใหม่จะถูกแทรกก่อนคอลัมน์ที่คุณเลือก)

การลบ (Delete)

  • ลบแถว: คลิกขวาที่ หัวแถว ที่ต้องการลบ แล้วเลือก Delete
  • ลบคอลัมน์: คลิกขวาที่ หัวคอลัมน์ ที่ต้องการลบ แล้วเลือก Delete
  • การปรับขนาดความกว้างคอลัมน์/ความสูงแถว

การปรับขนาดความกว้างคอลัมน์และความสูงแถวช่วยให้ข้อมูลของคุณแสดงผลได้อย่างชัดเจนและเป็นระเบียบ

ปรับขนาดอัตโนมัติ (AutoFit)

  • ความกว้างคอลัมน์: เลื่อนเมาส์ไปที่เส้นแบ่งระหว่างหัวคอลัมน์สองคอลัมน์ (เช่น ระหว่าง A กับ B) จนกระทั่งเมาส์เปลี่ยนเป็นรูปสองลูกศร แล้ว ดับเบิลคลิก Excel จะปรับความกว้างให้พอดีกับข้อมูลที่ยาวที่สุดในคอลัมน์นั้น
  • ความสูงแถว: เลื่อนเมาส์ไปที่เส้นแบ่งระหว่างหัวแถวสองแถว (เช่น ระหว่าง 1 กับ 2) จนกระทั่งเมาส์เปลี่ยนเป็นรูปสองลูกศร แล้ว ดับเบิลคลิก Excel จะปรับความสูงให้พอดีกับข้อมูลในแถวนั้น

ปรับขนาดด้วยตนเอง

เลื่อนเมาส์ไปที่เส้นแบ่งระหว่างหัวคอลัมน์/หัวแถว (เช่น ระหว่าง A กับ B หรือ 1 กับ 2) จนกระทั่งเมาส์เปลี่ยนเป็นรูปสองลูกศร คลิกค้างไว้แล้วลากเพื่อปรับขนาดตามต้องการ

การรวมเซลล์ (Merge & Center)

คำสั่ง Merge & Center ใช้สำหรับ รวมเซลล์ที่อยู่ติดกันหลายเซลล์ให้เป็นเซลล์เดียว และจัดข้อความภายในเซลล์นั้นให้อยู่กึ่งกลาง มักใช้สำหรับสร้างหัวข้อหรือป้ายกำกับที่ครอบคลุมหลายคอลัมน์

วิธีการ:

  1. เลือกช่วงเซลล์ที่ต้องการรวม (เช่น A1 ถึง D1)
  2. คลิกปุ่ม Merge & Center บนแท็บ Home (อยู่ในกลุ่ม Alignment)

ข้อควรระวัง: การรวมเซลล์อาจทำให้การจัดเรียงหรือกรองข้อมูลในอนาคตยากขึ้น ควรใช้อย่างระมัดระวังและเมื่อจำเป็นเท่านั้น

ใบงานที่ 2 กิจกรรมสร้างและจัดการตารางข้อมูลส่วนตัวใน Excel

สอบปลายภาค

https://g.co/gemini/share/eac358679ec0

Scroll to Top