หน่วยที่ 1 เทคโนโลยีกับมนุษย์
เรื่องที่ 1 เทคโนโลยีคืออะไร

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง “เทคโนโลยี”
พอครูพูดคำว่า “เทคโนโลยี”… นักเรียนนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก? ติ๊กต่อก… ติ๊กต่อก… 🤖
ครูเดาว่าส่วนใหญ่ต้องนึกถึง คอมพิวเตอร์, หุ่นยนต์, สมาร์ทโฟน, AI, หรืออะไรที่มันดูไฮเทค ล้ำๆ ใช่ไหมล่ะ?
แต่ถ้าครูบอกว่า… “ปากกา” ที่เราใช้เขียน, “เก้าอี้” ที่เรานั่ง, หรือแม้แต่ “รองเท้า” ที่เราใส่… ทั้งหมดนี้ก็คือ “เทคโนโลยี” เหมือนกัน!
เอ๊ะ… ทำไมล่ะ?
💡 1. ความหมายที่แท้จริงของ “เทคโนโลยี”
ง่ายๆ เลยนะ…
เทคโนโลยี คือ “สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น” เพื่อ “แก้ปัญหา” หรือ “สนองความต้องการ” ของเรา
มันไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เป็น “สิ่งประดิษฐ์” หรือ “วิธีการ” ที่มนุษย์คิดขึ้นมาเพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ดีขึ้น หรือเร็วขึ้น ก็ถือเป็นเทคโนโลยีหมดเลย
เรามาดูตัวอย่างกัน:
- ปัญหา: สมัยก่อนเรา “หิว” แต่ใช้มือเปล่าหยิบของร้อนๆ หรือซุปกินไม่ได้
- เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้าง: ช้อน, ส้อม, ตะเกียบ, ถ้วยชาม
- ปัญหา: เรา “ร้อน”
- เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้าง: พัด (ที่ทำจากใบไม้), พัดลมไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศ (แอร์)
- ปัญหา: เราอยาก “เขียน” หรือ “จดบันทึก”
- เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้าง: ดินสอ, ปากกา, กระดาษ, คอมพิวเตอร์
เห็นไหมครับว่า “ปากกา” ก็คือเทคโนโลยี เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหา “การจดบันทึก” นั่นเอง
💡 2. เทคโนโลยีมี 2 “ร่าง” นะ!
เทคโนโลยีไม่ได้มีแค่ “สิ่งของ” ที่จับต้องได้ แต่ยังมีแบบที่จับต้องไม่ได้ด้วย แบ่งเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ:
1. ผลิตภัณฑ์ (Product)
- อันนี้ง่ายมาก คือของที่ “จับต้องได้” เป็นชิ้นเป็นอัน
- ตัวอย่าง: จักรยาน, แว่นตา, ค้อน, โทรศัพท์มือถือ, ตู้เย็น, ไม้กวาด
2. กระบวนการ (Process)
- อันนี้คือ “วิธีการ” หรือ “ขั้นตอน” ที่จับต้องไม่ได้
- มันคือ “วิธีทำ” หรือ “ระบบ” ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมา
- ตัวอย่าง:
- “สูตรทำอาหาร” (เช่น สูตรทำไข่เจียว) ก็เป็นเทคโนโลยีนะ!
- “วิธีการปลูกข้าว” ของชาวนา
- “โปรแกรมคอมพิวเตอร์” หรือแอปในมือถือ (ตัวแอปเองเป็นกระบวนการ/ซอฟต์แวร์ ส่วนมือถือเป็นผลิตภัณฑ์)
- “ระบบการจองตั๋วหนังออนไลน์” (ขั้นตอนการเลือกที่นั่ง, จ่ายเงิน)
ลองทายเล่นๆ:
- กรรไกร? (ติ๊กต่อก…) -> ผลิตภัณฑ์
- ระบบฝาก-ถอนเงินในธนาคาร? (ติ๊กต่อก…) -> กระบวนการ
💡 3. ประเภทของเทคโนโลยี
ในชีวิตประจำวันของเรา เทคโนโลยีมันเยอะแยะไปหมด จนเราเอามาจัดกลุ่มได้หลายแบบเลย เช่น:
- เทคโนโลยีการศึกษา: กระดานดำ, ชอล์ก, หนังสือเรียน, คอมพิวเตอร์, โปรเจคเตอร์
- เทคโนโลยีการแพทย์: เข็มฉีดยา, วัคซีน, เครื่องวัดความดัน, ที่ตรวจ ATK
- เทคโนโลยีการสื่อสาร: โทรศัพท์, อินเทอร์เน็ต, สัญญาณ 5G, แอป LINE
- เทคโนโลยีการเกษตร: จอบ, เสียม, รถไถนา, โดรนรดน้ำต้นไม้
🎯 สรุป
ตอนนี้เราน่าจะเข้าใจตรงกันแล้วว่า “เทคโนโลยี” ไม่ใช่แค่ของล้ำๆ แต่คือ ทุกสิ่งที่มนุษย์สร้างมาเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งมีทั้งแบบ “ผลิตภัณฑ์” (ของ) และ “กระบวนการ” (วิธีทำ) ครับ
สไลด์สอน เทคโนโลยีคืออะไรกันแน่
https://gamma.app/docs/1-lhnjeobw8qla1tq
ไฟล์ใบงานที่ 1
เรื่องที่ 2 เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างไรให้ฉลาด
คาบที่แล้วเรารู้แล้วว่า “ครกกับสาก” ก็คือเทคโนโลยี (เพราะมนุษย์สร้างมาแก้ปัญหา “อยากบดพริก”)
คำถามของวันนี้คือ…
ถ้าเราอยาก “บดพริก” เหมือนกัน ระหว่างใช้ “ครกกับสาก” กับใช้ “เครื่องปั่นไฟฟ้า”… อันไหนดีกว่ากัน?
หลายคนอาจจะรีบตอบว่า “เครื่องปั่นสิครู! เร็วกว่า สบายกว่า!”
แต่… มันจริงเสมอไปเหรอ? วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันครับ
💡 1. เทคโนโลยีมี “เลเวล”
ใช่ครับ เทคโนโลยีก็เหมือนเกม มันมีระดับความซับซ้อนของมัน เราแบ่งง่ายๆ ได้ 3 ระดับ:
เลเวล 1: เทคโนโลยีระดับพื้นฐาน (Basic Tech)
- พวกนี้คือของง่ายๆ, เครื่องมือง่ายๆ
- ใช้พลังงานจาก “คน” (แรงเราเอง) หรือ “สัตว์” หรือ “ธรรมชาติ” (ลม, แดด)
- ตัวอย่าง: ครกกับสาก (ใช้แรงเราตำ), มีด, จอบ, เสียม, ไม้กวาด, เรือพาย, พัด (ที่เราใช้มือโบก)
เลเวล 2: เทคโนโลยีระดับกลาง (Medium Tech)
- ซับซ้อนขึ้นมาหน่อย เริ่มมี “เครื่องจักร” หรือ “กลไก” เข้ามาช่วย
- มักจะใช้พลังงาน “ไฟฟ้า” หรือ “น้ำมันเชื้อเพลิง”
- ตัวอย่าง: เครื่องปั่นไฟฟ้า, พัดลมไฟฟ้า, จักรยาน (มีโซ่มีเฟือง), รถยนต์, จักรเย็บผ้า, เครื่องซักผ้า
เลเวล 3: เทคโนโลยีระดับสูง (High-Tech)
- อันนี้คือพวก “ล้ำๆ” ที่เรานึกถึงตอนแรก
- ต้องใช้ “คอมพิวเตอร์”, “อิเล็กทรอนิกส์” ที่ซับซ้อน, AI, หรือ “อินเทอร์เน็ต”
- ตัวอย่าง: สมาร์ทโฟน, AI, โดรน (ที่บินเองได้), ระบบ Cloud (Google Drive), หรืออาจจะเป็น “เครื่องปั่นอัจฉริยะ” ที่สั่งงานผ่านมือถือได้
💡 2. “เลเวลสูง” ไม่ได้แปลว่า “ดีที่สุด” เสมอไป!
กลับมาที่คำถามของเรา “ครก” (เลเวล 1) กับ “เครื่องปั่น” (เลเวล 2) อันไหนดีกว่ากัน?
มัน “แล้วแต่สถานการณ์” ครับ!
เรามาลอง “วิเคราะห์” สถานการณ์กัน
โจทย์: ต้องการซักผ้า
| สถานการณ์ | เทคโนโลยีที่เลือก | ระดับเทคโนโลยี | ทำไมถึงเลือก? (ข้อดี/ข้อเสีย) |
| ซักผ้า 30 ชิ้น กองใหญ่มาก | 1. ซักมือ 2. เครื่องซักผ้า | 1. พื้นฐาน 2. กลาง | 1. (ไม่ดี) โคตรเหนื่อย ใช้เวลานานมาก 2. (ดี) สบาย ทุ่นแรง เร็ว |
| ซักผ้าแค่ 1 ชิ้น (แค่ถุงเท้าคู่เดียว) | 1. ซักมือ 2. เครื่องซักผ้า | 1. พื้นฐาน 2. กลาง | 1. (ดี) เร็ว สะดวก แป๊บเดียวเสร็จ 2. (ไม่ดี) เปลืองไฟ เปลืองน้ำมาก! |
| ซักผ้ากองใหญ่ แต่… “ไฟดับ” | 1. ซักมือ 2. เครื่องซักผ้า | 1. พื้นฐาน 2. กลาง | 1. (จำเป็น) เป็นทางเดียวที่ซักได้! 2. (ใช้ไม่ได้) กลายเป็นถังเหล็กธรรมดาไปเลย |
เห็นอะไรไหมครับ?
บางครั้ง “ซักมือ” (เทคโนโลยีระดับพื้นฐาน) ก็ดีกว่า “เครื่องซักผ้า” (เทคโนโลยีระดับกลาง)
🎯 สรุปคาบที่ 2 (สำคัญมาก!)
การที่เราเข้าใจเรื่องเทคโนโลยี ไม่ใช่เพื่อให้เราต้องวิ่งตามของใหม่ๆ หรือของแพงๆ (ระดับสูง) เสมอไป
แต่…
เราเรียนรู้… เพื่อให้เรา “เห็นคุณค่า” ของเทคโนโลยีทุกระดับ และ “เลือกใช้” มันได้อย่าง “เหมาะสม” (Appropriate) กับปัญหาที่เราเจอ
คนเก่งเทคโนโลยี ไม่ใช่คนที่ใช้ของแพงที่สุด
แต่คือ “คนที่รู้ว่า เมื่อไหร่ควรใช้ครก และ เมื่อไหร่ควรใช้เครื่องปั่น”
เราต้องดูว่า…
- ปัญหานั้นคืออะไร? (ซักผ้า 1 ชิ้น หรือ 30 ชิ้น?)
- เรามีทรัพยากรอะไรบ้าง? (ไฟดับไหม? มีเงินซื้อเครื่องซักผ้าไหม?)
- ผลกระทบคืออะไร? (ใช้เครื่องปั่น 1 ชิ้น เปลืองไฟไหม?)
พอเราคิดแบบนี้ได้ เราก็จะใช้เทคโนโลยีมา “แก้ปัญหา” ในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ!
สไลด์สอน เทคโนโลยีแก้ปัญหาอย่างไร
https://gamma.app/docs/1-i9mw9vcy6kdvn8i
